โดย มาสเตอร์ซานจิฟ จตุรเวดิ
แปลโดย พิมพ์ชนก พงษ์เกษตร์กรรม์
ในปัจจุบันอาการปวดศีรษะหรือโรคไมเกรน เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยครั้ง ซึ่งในบางครั้งมักจะไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน แต่โดยมากมักเกิดขึ้นจากสภาวะทางจิตใจ และอีกหนึ่งสาเหตุที่สำคัญคือ เกิดจากการบีบตัวของเส้นเลือดภายในศีรษ มากเกินไป หรือเกิดจากการเปลี่ยนแปลงหรือถูกรบกวนภายในระบบประสาทซึ่งทำให้เกิดอาการบวมของหลอดเลือดแดงที่อยู่ภายนอกของกะโหลกศีรษะ และนอกจากนี้การยืดตัวของกล้ามเนื้อปลายประสาทในผนังเส้นเลือดสามารถทำให้เกิดอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงด้วยเช่นกัน
อะไรคืออาการของไมเกรน
-
คลื่นไส้ อาเจียน
-
มีปัญหากับระบบการมองเห็น
-
มีปัญหากับเสียงที่ดังมากเกินไป
-
มีอาการปวดศีรษะด้านใดด้านหนึ่งรวมทั้งด้านหลังและด้านบน
-
ประสาทสัมผัสเฉื่อยชา ร่างกายอ่อนแรงครึ่งซีก หรืออาจมีอาการชาที่มือและรอบปาก
-
ปวดร้าวศีรษะอย่างรุนแรง
จากที่กล่าวในข้างต้น จะเห็นได้ว่าอาการหลักโดยทั่วไปของไมเกรนคืออาการปวดศีรษะ ซึ่งอาการปวดศีรษะนี้แบ่งออกได้เป็น 3 ลักษณะดังนี้
-
อาการปวดศีรษะจากหลอดเลือดแดงขยายตัว- โดยมาก มักเกิดจากความดันโลหิตสูง หรือภายหลังการดื่มแอลกอฮอล์ ในขณะที่อาการปวดร้าวจะเกิดจากเส้นเลือดที่สมองขยายตัวอันเนื่องมาจากมีไข้หรือการติดเชื้อ
-
อาการปวดเกร็งกล้ามเนื้อ- เป็นอาการโดยทั่วไปของการปวดศีรษะอันเนื่องมาจากความตึงเครียดทางด้านอารมณ์และจิตใจ โดยจะมีผลทำให้บริเวณหนังศีรษะและลำคอเกิดอาการเกร็งอย่างต่อเนื่องและเกิดความเจ็บปวดหรือความตึงแก่หนังศีรษะและลำคอ โดยอาจมีสาเหตุจากการเสื่อมของกระดูกสันหลังส่วนคอ และมีการกดทับรากประสาทไขสันหลัง(Cervical spondylitis) ในกรณีผู้สูงอายุ หรือกระดูกสันหลังงอ(Poor spinal postures)ร่วมด้วย
-
อาการปวดศีรษะต่างที่(Referred Headache)-อาจมีสาเหตุมาจาก ดวงตาที่เมื่อยล้า และโรคต้อหิน อาการระคายเคืองโพรงจมูกหรือไซนัสอักเสบ อาจทำให้เกิดการปวดศีรษะได้
อะไรคือสาเหตุของไมเกรน
-
ความเครียดและความดันโลหิตสูง
-
อากาศเปลี่ยนแปลง
-
ช่วงเปลี่ยนเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาพระอาทิตย์ขึ้น
-
โรคตา หู จมูก ฟันและไซนัส
-
อาการภูมิแพ้
-
ปัญหาจากระบบการย่อยอาหาร เช่น ท้องอืด อาหารไม่ย่อย เป็นต้น
-
อาการตึงเครียดทั้งทางร่างกายและจิตใจ ความเครียดจากการทำงาน อารมณ์ตึงเครียด ผิดหวัง กังวล
-
การใช้สายตามากเกินไป เช่น อ่านหนังสือ การใช้คอมพิวเตอร์ แสงไฟไม่เหมาะสม เป็นต้น
-
อาหารบางประเภทอาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะได้ เช่น ชีส ช็อกโกแลต โกโก้ หมู ไข่ ซีฟู้ด แอลกอฮอล์(โดยเฉพาะอย่างยิ่งเบียร์) และในบางครั้ง อาหารทอด เนย นม กาแฟ อาหารที่มีกรดสูง เช่น มะนาว ส้ม มะเขือเทศก็อาจทำให้เกิดอาการได้เช่นกัน
-
ภาวะรอบประจำเดือนในสตรี รวมทั้ง ภาวะก่อนมีประจำเดือน และการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนในช่วงหมดประจำเดือน ก็มีผลทำให้เกิดอาการปวดศีรษะได้
เหล่านี้คือปัจจัยจากภายในและภายนอกที่ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะหรือไมเกรน ซึ่งหากว่าเราสามารถวิเคราะห์ได้ถึงสาเหตุที่แท้จริงแล้ว ก็จะทำให้ง่ายต่อการรักษา นอกจากนี้ผู้หญิง 2 ใน 3 คนมีแนวโน้มที่จะเกิดอาการไมเกรน ซึ่งน่าจะมีปัจจัยมาจากลักษณะทางกายภาพของร่างกาย
สาเหตุของการเกิดไมเกรนนั้นมีหลากหลาย ทั้งจากสภาพจิตใจ อารมณ์ หรือปัญหาจากสภาวะแวดล้อม แต่ปัจจัยภายนอกเหล่าก็ส่งผลโดยตรงต่อร่างกายของเรา อย่างไรก็ตาม จากการรักษาด้วยการใช้ยานั้นมักเป็นการให้ยากล่อมประสาท ยานอนหลับ ยาแก้ปวด ซึ่งจะทำให้มีอาการดีขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่สาเหตุของอาการยังคงอยู่ นอกจากนี้การรักษาด้วยยาจะทำให้อาการปวดศีรษะหายไป แต่ก็ทำให้เกิดอาการข้างเคียงที่สืบเนื่องจากการใช้ยาหลายประการ เช่น อาการไข้ ประสาทตาผิดปกติ ไซนัสอักเสบ ปัญหาระบบทางเดินอาหาร เป็นต้น
การรักษาอาการไมเกรนด้วยวิถีโยคะ
การฝึกโยคะมีหลากหลายวิธีที่สามารถรักษาอาการไมเกรนได้ดี และยังสามารถแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ซึ่งโดยทั่วไปไมเกรนมักมีสาเหตุมาจากสภาวะทางจิตใจด้วยเหตุนี้ หากบำบัดโรคไมเกรนด้วยวิธีของโยคะ มักจะจะหายขาดเนื่องจากโยคะเป็นการรักษาในส่วนของจิตวิญญาณ
วิธีการรักษานั้นได้แก่ หัตถโยคะ การทำความสะอาดโพรงจมูก และวิธีกุญจาล(การทำความสะอาดทางเดินหายใจและทางเดินอาหารตอนบน--ดื่มน้ำอุ่นผสมเกลือนิดหน่อยแล้วอาเจียนออกมา) ซึ่งหากรักษาด้วยวิธีเหล่านี้ในระยะแรกเริ่มของอาการไมเกรนแล้ว พบว่ามักจะหายขาดในทันที ถ้ามีอาการไมเกรนเรื้อรัง จำเป็นที่จะต้องทำทุกวันโดยฝึกร่วมกับอาสนะและปราณยมะ
อาสนะ ที่สำคัญที่ใช้ในการรักษาได้แก่ สูรยนมัสการ, ปวันมุขตาสนะ-1 (ชุดท่าหมุนข้อต่อต่างๆ ) และอาสนะอื่นๆ ตามสภาพของร่างกาย
ปราณยมะ ที่สำคัญที่ใช้ในการรักษาอาการ ได้แก่ ภุมรี(การหายใจด้วยเสียงเหมือนผึ้ง), นาดีโศธนะ(หายใจด้วยจมูกที่ละข้างสลับซ้ายขวา) และการหายใจแบบภัสตริกา
ศัตการมะ ที่สำคัญในการรักษาอาการ ได้แก่ การล้างจมูกและทางเดินอาการด้วยเนตีและกุญจาลทุกวัน และล้างพิษด้วยวิธี ลกู ชังคปรักชลานะ (Laghoo Shankhaprakshalana )สัปดาห์ละครั้ง
การผ่อนคลาย ด้วยโยคะนิทราทุกวัน
อาหาร ควรบริโภคอาหารมังสวิรัติ หลีกเลี่ยงอาหารที่หนักท้อง เช่น ชีส ช็อคโกแลตและไวน์ และไม่ควรทานอาหารมากเกินไป
การอดอาหาร ในบางครั้งการอดอาหารอาจทำให้กิดอาการไมเกรนมากขึ้น
การรักษาด้วยโยคะเหล่านี้เห็นผลได้ชัดเจนและช่วยทำให้อาการไมเกรนหายไปแม้ว่าไมเกรนนั้นมีสาเหตุที่ของโรคที่ไม่ชัดเจน แต่การรักษาด้วยโยคะนี้จะช่วยรักษาในทุกระดับตั้งแต่ระดับร่างกาย จิตใจ ไปจนถึงอารมณ์ อย่างไรก็ตามก่อนการรักษาด้วยโยคะนี้ควรปรึกษาครูผู้สอนที่มีประสบการณ์ก่อนเพื่อหลีกเลี่ยงอาการข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้น
หมายเหตุ: บทความฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยของ โรงเรียนโยคะ พิหาร(Bihar School of Yoga) ประเทศอินเดีย |